โชว์สกิลเกมรุก โควิดก็ทำอะไรทัพเรือไม่ได้! หลังลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

โชว์สกิลเกมรุก อันดุดันบุกไปไล่ยำใส่ “สิงห์บลูส์” เละเทะคาบ้าน 3-1 เควินเดอบรอยน์และฟิลโฟเด้น ฟอร์มหรูทั้งยิงและจ่ายก่อนพาทีมคว้าชัยสามนัดติด มี 29 คะแนนเท่ากับสเปอรส์และทอฟฟี่ แต่ลูกได้เสียเป็นรองไก่เดือยทอง ทำให้รั้งอันดับ 5

ส่วน เชลซี ย่ำแย่แพ้ 4 จาก 6 เกมในลีกล่าสุด รั้งอันดับ 8 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “บิ๊กแมตช์” พรีเมียร์ลีก อังกฤษ วีก 17 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม แฮนด์บอล

ที่ผ่านมา ระหว่าง เชลซี อันดับ 6 เปิดรังรับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 8 โดย “สิงห์บลูส์” ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ปรับทัพใช้สามแนวรุกเป็น ฮาคิม ซิเย็ค ที่หายเจ็บกลับมาสตาร์ตัวจริงร่วมกับ ติโม แวร์เนอร์ และ คริสเตียน พูลิซิช

ส่วนทางฝั่งของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ของ “เรือใบสีฟ้า” ปวดหัวกับปัญหา ของผู้เล่นที่ติดเชื้อโควิด-19 หลายราย เกมนี้ส่ง แซ็ค สเตฟเฟ่น นายด่านวัย 25 ปี ลงเฝ้าเสาในลีกเป็นเกมแรก ส่วนแนวรุกวาง ราฮีม สเตอร์ลิง หน้าเป้าและใช้ เควินเดอบรอยน์และแบร์นาร์โด้ ซิลวา ปั้นเกม

ยืนอยู่บนเส้นด้าย

โชว์สกิลเกมรุก แค่ 4 นาทีแรก แซ็ค สเตฟเฟ่น นายด่านของเรือใบสีฟ้าที่เล่นในลีกนัดแรกก็ทำเสียวเสียแล้ว

โชว์สกิลเกมรุก เมื่อรับบอลจากจังหวะที่ โรดรี้ ส่งคืนหลังในกรอบ ผู้ตัดสินเป่า เป็นจังหวะแบ็คพาส ทำให้ต้องเสียฟรีคิก 2 จังหวะบนเส้น 18 หลา ทว่า ฮาคิม ซิเย็ค ดันซัดไปติดบล็อคออกหลัง

นาที16 โอกาสได้ลุ้นครั้งแรกของ แมนฯซิตี้ เกือบได้ ประตูขึ้นนำหลัง ชูเอา กันเซโล่ แทงทะลุช่อง ให้เควินเดอบรอยน์ หลุดกับดักล้ำหน้า เข้าไปซัดด้วยขวา บอลพุ่งถากเสาไกลออกไป อย่างน่าเสียดาย ดูบอลสด

กระนั้นอีกสองนาทีถัดมา “เรือใบสีฟ้า” ได้ประตูนำ 1-0 ทันที จากความยอดเยี่ยม ของ อิลคาย กุนโดกัน ที่รับบอลจาก ฟิลโฟเด้นก่อนพลิกหนี ติอาโก้ ซิลวา แล้วซัดด้วยขวา ติดปลายมือ เมนดี้ เบียดเสาเข้าไปอย่างสวยงาม

เท่านั้นยังไม่พอ ทีมเยือนมานำห่างเป็น 2-0 อย่างรวดเร็ว จากความผิดพลาด ของแนวรับ เจ้าถิ่นที่เคลียร์กันไม่ดี เควินเดอบรอยน์ได้บอลแล้วปาดมาเสาแรกให้ ฟิลโฟเด้นตวัดยิงด้วยซ้ายไม่จับเบียดเสาแรกเข้าไป

นาที35 ลูกทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ต้องมาสังเวยประตูที่สาม จากจังหวะที่ “สิงห์บลูส์” ได้ลุ้นฟรีคิกหน้ากรอบของซิตี้ ก่อนจะโดนลูกสวนกลับเร็วหลัง

ดูบอลสด

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ โขกหนุนไปติดหัวของเควินเดอบรอยน์

บอลลอยโด่งไปเข้าทาง ราฮีมสเตอร์ลิง ควบจากแดนตัวเองเข้าไปดวลเดี่ยวกับ เอดูอาร์ เมนดี้ ก่อนจะล็อกหนีแล้วหาจังหวะปั่นด้วยขวาบอลพุ่งไปชนเสาก่อนจะกระดอนมาเข้าทางของเดอบรอยน์ ตามมาซ้ำเข้าไปไม่เหลือให้

แมนฯซิตี้ บุกมานำขาด 3-0 อีกนาทีถัดมา ทัพเรือใบเกือบได้เม็ดที่สี่นำโด่ง หลัง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ครอสบอลโด่งไปเสาไกลให้ ฟิลโฟเด้นโขกย้อนไปเสาแรกเหินคานออกไปแบบได้ลุ้น ยืนอยู่บนเส้นด้าย

เกมรุกของ “ซิตี้” เหนือกว่าอย่างชัดเจน ตอบโต้มาทีได้ลุ้นทุกครั้ง และหนนี้เกือบได้ประตูอีกหลัง ราฮีม สเตอร์ลิง พาบอลขึ้นมาแล้วไหลให้เควินเดอบรอยน์ ปาดเลียดมาหน้าประตูให้ อิลคาย กุนโดกัน ไขว้ยิงด้วยซ้ายหลุดกรอบอย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรก เชลซี ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-3 กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ลูกทีมของเป๊ป ยังโหมกดดันไม่มีผ่อน ไล่บีบเพรสสูงจนแข้งเจ้าถิ่นออกบอลกันพลาด ก่อนนาที 49 จะได้ลุ้นอีกหลัง ฟิลโฟเด้นจ่ายให้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้