รอประกาศ สกายสปอร์ตส์ อิตาเลีย สื่อกีฬาของอิตาลี ระบุ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง

รอประกาศ จ่อเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีม แม้ว่าจะเป็นที่สนใจของ ยูเวนตุส และ บาร์เซโลน่า ก็ตาม โดยถึงขั้นลือกันว่าอาจจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้เลย ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง

กองหน้าคนเก่งของ อาร์เซน่อล สโมสรชั้นนำแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ใกล้ที่จะต่อสัญญากับทีมแล้ว ตามรายงานของ สกายสปอร์ตส์ อิตาเลีย สื่อกีฬาชั้นนำของประเทศอิตาลี อนาคตของ โอบาเมยอง เป็นประเด็น แฮนด์บอล

ที่หลายคนให้ความสนใจในช่วงที่ผ่านมา เพราะเขาจะหมดสัญญากับทีมในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้าแล้ว และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าเจ้าตัวไม่พอใจกับผลงานของทีมเท่าไหร่จนต้องการบอกลา อาร์เซน่อล โดยทีมที่

แฮนด์บอล

ตกเป็นข่าวกับดาวเตะชาวกาบองมีอย่างเช่น ยูเวนตุส และ บาร์เซโลน่า เป็นต้น

สกายสปอร์ตส์ อิตาเลีย เสริมว่า จะประกาศถึงการต่อสัญญาของ ในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมาแข้งวัย 31 ปีก็โพสต์ภาพนาฬิกาทรายที่สื่อเหมือนกับว่ากำลัง

จะมีบางอย่างเกิดขึ้นเหมือนกัน สื่อเจ้าเดิมบอกด้วยว่าตอนนี้ อเล็กซองดร์ ลากาแซ็ตต์ กองหน้าชาวฝรั่งเศสของ เป็นเป้าหมายการเสริมทัพของ ยูเวนตุส หลังจากที่ “เบียงโคเนรี่” ต้องการหัวหอกตัวเป้า ดูบอลสด

ที่จะช่วยทีมได้ ภายหลังซีซั่น 2019-20 พวกเขาทำผลงานได้น่าผิดหวังจนได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา แค่รายการเดียวเท่านั้น ตอกย้ำความเป็นยอดดาวยิงคนหนึ่งของยุคนี้อีกครั้งสำหรับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง

กองหน้า หลังจากเหมาคนเดียว 2 ประตูจนช่วยให้ทีมชนะ เชลซี 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศของ เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2019-20 เมื่อวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา จนทำให้ทีมได้แชมป์ไปครอง นับตั้งแต่

ที่ย้ายจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาอยู่กับ ในช่วงต้นปี 2018 ก็ทำประตูได้อย่างต่อเนื่องจนเป็นคนที่ทีมแทบจะขาดไม่ได้ไปแล้ว แต่ตอนนี้อนาคตของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ซูลชาร์ย้ำ

หลังจากที่จะหมดสัญญากับทีมในช่วงซัมเมอร์ ปีหน้า และตอนนี้ยังไม่ได้ต่อสัญญากับทีมสักที ที่จริงระหว่างฤดูกาล 2019-20 ก็เคยทำสถิติได้ไปบ้างแล้ว อย่างเช่นการเป็นนักเตะ อาร์เซน่อล

คนแรกในรอบ 22 ปี ที่ทำประตูได้ถึง 7 ลูก ในการลงเล่นเกมลีก 7 นัดแรกของฤดูกาล แต่พอจบซีซั่นนี้แล้วเขาก็ยังสร้างตัวเลขที่น่าสนใจขึ้นมาอีกหลายอย่าง ลองไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง หากนับตั้งแต่ที่

ประเดิมสนามให้กับ ในเกมลีกที่เจอกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 2018 แล้วนั้น หัวหอกชาวกาบองก็ถือเป็นนักเตะของทีมใน พรีเมียร์ลีก ที่สามารถทำประตูรวมในทุกรายการ

ได้มากที่สุด ด้วยจำนวนถึง 70 ลูกด้วยกัน สำหรับอันดับสองในชาร์ตนี้คือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีก ลิเวอร์พูล ที่ทำด้ 68 ประตู ส่วน เซร์คิโอ อเกวโร่ ดาวยิง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามมาเป็นอันดับ 3 ด้วยจำนวน 61 ลูก

ขณะที่ แฮร์รี่ เคน ดาวยิง สเปอร์ส, ซาดิโอ มาเน่ ปีก ลิเวอร์พูล และ ราฮีม สเตอร์ลิง ดาวเตะ “เรือใบสีฟ้า” ทำได้ 59 ประตูหากนับรวมทุกรายการตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ปี 2018 จนทำให้พวกเขาเป็นที่ 4 ร่วม

ในฤดูกาลนี้ อาจจะอดเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ พรีเมียร์ลีก จากการทำได้ 22 ประตู แพ้ เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอก เลสเตอร์ 1 ลูก แต่ประตูของเขามีความหมายกับ อาร์เซน่อล อย่างมาก เพราะในจำนวนนั้น

มีถึง 17 ประตูที่มีผลกระทบกับผลการแข่งขันโดยตรง อย่างเช่นตอนแรกทีมทำท่าจะเสมอ แต่ประตูของเขากลับเป็นประตูชัยให้ทีม เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ 22 ประตูที่ ทำได้ในลีกประจำฤดูกาลนี้เลยมีส่วน

รอประกาศ โดยตรงในการทำให้ ได้คะแนนไปถึง 19 คะแนน หรือก็คือคิดเป็น 37.5 เปอร์เซ็นต์จากแต้มทั้งหมดที่ทีมดังแห่งถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทำได้ในฤดูกาลนี้ ในฤดูกาลนี้ โอบาเมยอง ได้เจอกับทีมใน

กลุ่มท็อปซิกซ์ (ทีมในกลุ่มดังกล่าวนอกเหนือจากคือ ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี และ สเปอร์ส) ด้วยกันไปทั้งหมด 11 นัดจากทุกรายการ และเขาก็ทำได้ถึง 7 ประตูใน 11 เกมนั้น

ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ เชลซี คือทีมในกลุ่มท็อปซิกซ์ที่เสียประตูให้ มากที่สุดในฤดูกาลนี้ หลังจาก ทำได้ 3 ประตูจาก 2 เกมที่เจอกับ เชลซี แบ่งเป็น 1 ลูกในเกมลีกเมื่อช่วงเดือน

ธันวาคมที่ผ่านมา โดยที่วันนั้น อาร์เซน่อล แพ้ 1-2 และ 2 ลูกในเกม เอฟเอ คัพ นัดชิงดำที่เขาพาทีมได้แชมป์มาครองนั่นเองจนถึงตอนนี้ โอบาเมยอง มีค่าเฉลี่ยการทำประตูใน พรีเมียร์ลีก สูงถึง 0.64 ลูกต่อ 1 นัด

รอประกาศ ซึ่งในประวัติศาสตร์การเล่น พรีเมียร์ลีก ของ มีเพียงคนเดียวที่มีค่าเฉลี่ยดีกว่าเขา นั่นคือ เธียร์รี่ อองรี ตำนานดาวเตะชาวฝรั่งเศสที่มีค่าเฉลี่ย 0.68 ลูกต่อเกม ขณะเดียวกัน โอบาเมยอง ก็ยังเป็นนักเตะ

ที่มีค่าเฉลี่ยการใช้เวลาน้อยที่สุดต่อการทำ 1 ประตูเป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก ด้วย ที่จำนวน 128 นาทีต่อ 1 ประตู โดย 3 คนที่ทำได้ดีกว่าเขาคือ อเกวโร่ ด้วยผลงาน 107 นาทีต่อ 1 ประตู,

เคน ที่จำนวน 120 นาทีต่อ 1 ประตู และ อองรี ด้วยค่าเฉลี่ย 121 นาทีต่อ 1 ประตู แม้ว่า อาร์เซน่อล จะได้แชมป์ เอฟเอ คัพ มาครอง แต่ที่จริงแล้ว ลงเล่นในรายการดังกล่าวให้ทีมไปเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น

นั่นคือรอบรองชนะเลิศกับ แมนฯ ซิตี้ และนัดชิงดำกับ เชลซี แต่แค่นั้นก็ถือว่าเขามีความสำคัญอย่างมากต่อการทำให้ ได้แชมป์แล้ว เพราะใน 2 รอบนั้น ทำประตูรวมกันได้ 4 ลูก และมัน

ก็เป็นผลงานของเขาทั้งหมด เรื่องดังกล่าวทำให้ กลายเป็นคนแรกในรอบ 34 ปีหลังสุดที่สามารถทำประตูในเกม เอฟเอ คัพ ได้ 2 ประตูทั้งในรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศในฤดูกาลเดียวกัน โดยคนสุดท้ายก่อนหน้าเขาที่ทำอย่างนั้นได้คือ เอียน รัช ตำนานกองหน้า ลิเวอร์พูล