แผลงฤทธิ์อีกแล้ว เก็บสามแต้มนำจ่าฝูงต่อไป ขาดช่วงของชั้นสอง

แผลงฤทธิ์อีกแล้ว ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระหว่างผู้นำฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านรับการมาเยี่ยมของ สเปอร์ส กลุ่มชั้น 8 โดยผลงานที่เคยเจอกัน ในฤดูกาลนั้น เป็น แมนฯ สิตี้ ที่บุกไปแพ้ให้สเปอร์ส 0-2 เมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา โชว์ฟอร์มสะเด่า

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พา “เรือใบสีฟ้า” ชนะรวดมา 15 ครั้งติดกันทุกรายการหลังเกมที่แล้วบุกไปกระหน่ำแชมป์เก่า หงส์แดง 4-1 ก่อนที่จะอัดสวอนซี 3-1 ในเกมเอฟเอ คัพ โดยเกมนี้วางสามแนวรุกเป็น ราฮีม สเตอร์ลิง, กาเบรียล เชซุส แลฟิล โฟเด้น

แผลงฤทธิ์อีกแล้ว

เวลาที่ “ไก่เดือยทอง” ของ โชเซ่ มูรินโญ่ เกมในลีกปัจจุบันไล่บดเอาชนะ แผลงฤทธิ์อีกแล้ว เวสต์บรอมวิช 2-0 แต่ทว่ามาร่วงตกรอบเอฟเอ คัพ ข้างหลังแพ้ในช่วงต่อเวลาฯให้ เอฟเวอร์ตัน 4-5 เกมในวันนี้ฝากความคาดหมายล่าตาข่ายไว้ที่ แฮร์รี่ เคน, ซน ฮึง-มิน และก็ลูคัส มูร่า

เริ่มเกมครึ่งแรก ตอน 13 สเปอร์สได้ลุ้นจากฟรีคิกหน้ากรอบหลัง อายเมอริก ลาป๊อร์ก ไปฟาวล์ใส่ แฮร์รี่ เคน ก่อนที่จะ เคน จะวิ่งมาปั่นกว่า 25 หลาบอลโค้งผ่านกำแพงกำลังจะเข้าอยู่สุดแต่ไปชนเสาอย่างโชคร้าย แฮนด์บอล

ตอน 21 “เรือใบสีฟ้า” มาได้ลูกที่จุดลูกโทษ หลัง ปิแอร์-เอมิล ฮอยแบร์ก ไปเกี่ยวขาขวากุนโดกันล้มลง ผู้ตัดสินพอล เทียร์นี่ย์รอเช็กกับคณะทำงานวีเออาร์ก่อนรับรองให้ แมนซิตี้ ได้จุดลูกโทษ แล้วก็ตอนนี้เป็น โรดรี้ รับหน้าที่ฆ่าเข้าไปให้ เจ้าของบ้าน แมนฯสิตี้ ขึ้นนำ 1-0

ทางเรือใบ ยังเดินหน้าจู่โจมอย่างมาก ยกเอา กานเซโล่ ผ่านเข้ากึ่งกลาง

ทำให้ แบร์นาร์โด สิลวา ซัดด้วยซ้ายจากนอกกรอบแม้กระนั้นบอลก็ยังไปติดบล็อคก่อนไปเข้ามือ อูโก้ โยริส ช่วง 42 ผู้ร่วมทีมของเป๊ปบุกมาอีกครั้ง และก็ชุดนี้แทบได้ลุ้นเม็ดที่สองหลัง ราฮีม สเตอร์ลิง ใช้ความเร็วที่เหนือกว่าควบไปเอาบอลก่อนหักมาให้ อิลคาย กุนโดกัน ซัดด้วยขวาบอลพุ่งไปติดขา ดาวินชอน ซานเชซ ก่อนจังหวะต่อมา กาเบรียล เชซุส จะซ้ำโผบินคานออกไป

จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ สเปอร์ส 1-0 ช่วงหลัง มูรินโญ่ สลับตัวคนแรกในทันทีส่ง มูสซ่า ซิสโซโก้ ลงไปเล่นแทน ลูคัส มูร่า ระยะ 50 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มานำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะเข้าทำอันดีที่สุด ราฮีม สเตอร์ลิง จ่ายทะลุให้ อิลคาย กุนโดกัน ใส่ขึ้นมาก่อนหลุดเข้าไปยิงผ่านมือ อูโก้ โยริส เข้าไปเป็นประตูที่ 10 ในช่วงฤดูกาลนี้ของตัวรุกชาวเยอรมัน

แผลงฤทธิ์อีกแล้ว

นาที 59 “ไก่เดือยทอง” โต้กลับขึ้นมาเช่นเดียวกัน เอ็นดอมเบเล ซัดไปไถลก่อนบอลไปเข้ามือ เอแดร์ชอน โมราเอส ไปสู่ระยะ 66 ผู้ร่วมทีมของมูรินโญ่จำต้องมาสังเวยเม็ดลำดับที่สามให้เจ้าถิ่นหลังบอลยาวจาก เอแดร์ชอน เตะจากหน้าประตูมาให้ อิลคาย กุนโดกัน

ควบไปเอาบอลก่อนเกี่ยวบอลลง แล้วลากหนี ดาวินซอน ซานเชซ เข้าไปยิงผ่านอูโก้ โยริสเข้าไปอย่างเยือกเย็นให้ แมนฯสิตี้ นำไปไกล 3-0 แล้วก็เป็นประตูลำดับที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ ดูบอลสด

นาที 69 อิลคาย กุนโดกัน เล่นต่อไม่ไหวยังมีความรู้สึกเจ็บรบกวสนทำให้จำเป็นต้องส่ง เฟร์ราน ตอร์เรส ลงมาเล่นแทน ประมาณ 72 มูรินโญ่ สลับตัวคนท้ายที่สุดส่ง! แกเร็ธ เบล ลงมาเล่นแทน เอริค ลาเมล่า ประมาณ 81 แกเร็ธ เบล โชว์สเต็ปโยกหลอกก่อนซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งไปตรงตัว เอแดร์ซอน โมราเอส

ขณะที่เหลือ แมนฯสิตี้ ยังครอบครองบอลแล้วก็จู่โจมเข้าใส่มากยิ่งกว่า แม้กระนั้นไม่มีสกอร์เพิ่มเติมอีก จบเกม แมนฯสิตี้ เอาชนะ สเปอร์ส 3-0 ส่งให้ “เรือใบสีฟ้า” นำหัวหน้าฝูงโด่งโดยทิ้งชั้น 2 เลสเตอร์ที่แข่งขันมากยิ่งกว่าถึง 7 คะแนน รวมทั้งอยู่ห่างจาก แมนฯยูไนเต็ด ที่แข่งขันเสมอกันที่ 8 คะแนน